ผู้เขียน หัวข้อ: มิตซูบิชิ ไทรทัน 2024: Mitsubishi Triton เปิดตัวรุ่นปรับโฉมใหญ่แบบเวิลด์พรีเมียร  (อ่าน 3 ครั้ง)

siritidaphon

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 264
    • ดูรายละเอียด
มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ป เปิดตัวรถปิคอัพรุ่นสำคัญ Mitsubishi Triton รุ่นปรับโฉมใหญ่ไมเนอร์เชนจ์ เป็นไฮไลท์ส่งท้ายปี 2561 โดยการเปิดตัวในวันนี้นับเป็นการเผยโฉมแบบเวิล์พรีเมียร์เพื่อโปรโมทเวอร์ชั่นตลาดโลก (หรือ Mitsubishi L200) ด้วย ตัวรถยังอยู่บนพื้นฐานของ Triton เจนเนอเรชั่นที่ 5 ที่ทำตลาดมาตั้งแต่ช่วงปี 2015 ทว่ามากับภาพลักษณ์ใหม่ทั้งภายนอกและภายใน ซึ่งการปรับโฉมครั้งใหญ่นี้ นับเป็นการฉลองครบรอบ 40 ปีในการผลิตปิคอัพ ของมิตซูบิชิด้วยนั่นเอง


ภายในงานวันนี้ มร. โอซามุ มาสุโกะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น กล่าวว่า “Mitsubishi Triton หรือ L200 เป็นหนึ่งในยานยนต์เชิงกลยุทธ์ระดับโลกที่สำคัญยิ่ง และความสำเร็จของมิตซูบิชิ ไทรทัน มีบทบาทสำคัญต่อการเติบโตอย่างยั่งยืนของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น”


“ทั้งนี้ มิตซูบิชิ ไทรทัน ใหม่ ได้รับการพัฒนาต่อยอดสมรรถนะและความแข็งแกร่งที่ไว้ใจได้ รวมถึงความสะดวกสบายในการขับ ซึ่งเป็นจุดเด่นของรถกระบะมิตซูบิชิมาตลอดระยะเวลา 40 ปี ผมเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า Mitsubishi Triton หรือ Mitsubishi L200 ใหม่นี้ จะสามารถตอบสนองทุกความต้องการของลูกค้าจากทั่วโลกได้เป็นอย่างดี”


Mitsubishi Triton ใหม่ ได้รับการปรับภาพลักษณ์ใหม่ตลอดคันด้วยกระจังหน้าใหม่สไตล์ Dynamic Shield ซึ่งเราคุ้นตากันดีจากงานออกแบบที่ใช้ใน Mitsubishi Pajero Sport นั่นเอง ชุดไฟหน้าเลนส์โปรเจคเตอร์แบบ Bi-LED ถูกยกตำแหน่งให้มีมุมมองที่สูงขึ้น ซ้อนด้วยชุดไฟ LED Daytime Running Lights สำหรับวิ่งกลางวัน ด้านล่างรองรับด้วยกรอบไฟตัดหมอกใหม่ โดยมีระบบเปิด/ปิด ไฟหน้าแบบอัตโนมัติ และระบบปรับระดับไฟหน้าสูง/ต่ำอัตโนมัติให้ใช้งาน


ด้านข้างยังคงเป็นซุ้มล้อขนาดใหญ่ เด่นด้วยล้ออัลลอยลายใหม่ขนาด 18 นิ้ว พร้อมบันไดข้างใหม่ ส่วนด้านหลังมีการออกแบบชุดไฟท้ายและกันชนใหม่หมด ไล่ไปตั้งแต่ฝากระบะท้ายที่มาพร้อมสปอยเลอร์ (หรือมือจับในบางรุ่น), ไฟท้าย, ชุดไฟเบรค LED, ชุดไฟ LED Light Guiding และกันชนท้าย

อย่างไรก็ตาม รุ่นตัวถังสีแดงที่เราเห็นในวันนี้ คือเวอร์ชั่นตลาดโลกหรือ L200 ครับ ส่วนรุ่นสีเงินจะเป็นรุ่นที่มิตซูบิชิใช้ทำตลาดในบ้านเรา


สำหรับชุดระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ มีให้เลือกทั้งแบบ Super-Select 4WD II และ Easy-Select 4WD ซึ่งผู้ขับสามารถเลือก/ปรับโหมดการขับได้แบบง่ายๆ โดยมิตซูบิชิระบุว่าทั้งระบบ Super-Select 4WD II และ Easy-Select 4WD จะมีการปรับปรุงใหม่ ให้สามารถรองรับการขับได้ดียิ่งขึ้นในทุกสภาพเส้นทาง ซึ่งไฮไลท์สำคัญคือการเพิ่มโหมดใหม่สำหรับการใช้งานในแบบออฟ-โรด ได้แก่โหมด Gravel, Mud/Snow, Sand และ Rock (4LLc ระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออัตราทดความเร็วต่ำ) พร้อมด้วย Center Differential Lock แบบไฟฟ้า ช่วยล็อคเฟืองท้ายเพื่อให้เครื่องยนต์ส่งกำลังไปยังล้อคู่หลังให้มีการหมุนเท่ากันตลอดเวลา


การทำงานในโหมดนี้ ระบบจะควบคุมกำลังของเครื่องยนต์, การทำงานของระบบส่งกำลัง รวมถึงการควบคุมเบรค และการกระจายแรงบิดไปยังล้ออย่างเหมาะสม โดยที่ผู้ขับสามารถมุ่งสมาธิไปที่การควบคุมพวงมาลัยตามเส้นทางที่ทุรกันดารเพียงอย่างเดียวเท่านั้น นอกจากนี้ช่วงล่างของ Triton ใหม่จะได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นด้วย อาทิ ชุดดิสค์เบรคที่มีขนาดใหญ่ขึ้น และช๊อคฯ หลังขนาดใหญ่ขึ้น


ทั้งนี้ระบบ Super Select 4WD II จะมีตัวเลือกการขับเคลื่อน 4 รูปแบบ ประกอบด้วย 2H ขับเคลื่อน 2 ล้อบนถนนปกติ, ขับเคลื่อน 4 ล้อ 4H บนถนนที่เปียกลื่น เช่นฝนตก, 4HLC สำหรับเส้นทางขรุขระที่ยังคงใช้ความเร็วได้ และ 4LLC สำหรับเส้นทางทุรกันดารที่ใช้ความเร็วต่ำ


ชุดระบบความปลอดภัยใหม่ ประกอบด้วย ระบบ Blind Spot Warning with Lane Change Assist สัญญาณเตือนจุดอับสายตา พร้อมระบบเตือนขณะเปลี่ยนเลน, ระบบ Forward Collision Mitigation System เตือนการชนด้านหน้าตรง อาศัยการทำงานของเรดาร์ประเมินระยะห่างจากรถคันหน้า, ระบบ Ultrasonic misacceleration Mitigation System ช่วยตัดกำลังเครื่องยนต์ชั่วคราวขณะเหยียบคันเร่งอย่างรุนแรงและรวดเร็ว ทำงานโดยใช้คลื่น Ultrasonic ตรวจจับวัตถุด้านหน้าหรือด้านหลังในระยะไม่เกิน 4 เมตร ขณะที่เกียร์อยู่ตำแหน่ง D หรือ R ทำงานที่ความเร็วต่ำกว่า 10 กม./ชม. เพื่อช่วยลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการชน


ต่อด้วยระบบ Rear Cross Traffic Alert เตือนด้านหลังขณะถอยออกจากช่องจอด, ระบบ Multi Around Monitor ทำงานผ่านกล้อง 4 ตำแหน่งรอบตัวรถ เพื่อประมวลผลและแสดงภาพแบบ Bird’s Eye View ผ่านจอส่วนกลาง ช่วยให้ผู้ขับมองเห็นภาพรอบตัวรถ, ระบบ Automatic High-Bea ปรับระดับไฟสูง/ต่ำ อัตโนมัติ, ระบบ Auto Lighting ON – OFF เปิด/ปิดไฟหน้าอัตโนมัติเมื่อตรวจพบว่าแสงสว่างจากภายนอกไม่เพียงพอ, ระบบ Hill Start Assist ช่วยออกตัวบนทางลาดชัน, ระบบ Hill Descent Control ควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน


ปิดท้ายด้วยระบบพื้นฐาน เบรค ABS พร้อม EBD และ BA และถุงลมนิรภัย 7 ตำแหน่ง คู่หน้า, ด้านข้าง, บริเวณหัวเข่าด้านผู้ขับ และม่านถุงลมนิรภัย ทำงานร่วมกับเข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงกลับอัตโนมัติ

ห้องโดยสารปรับปรุงใหม่รายรายการ ไล่ไปตั้งแต่พวงมาลัยหุ้มหนังพร้อม Paddle Shift, มีระบบมัลติฟังก์ชั่นควบคุมเครื่องเสียง, ครูสคอนโทรลควบคุมความเร็วอัตโนมัติ, มาตรวัดหลังวงพวงมาลัยใหม่, จอแสดงข้อมูลการขับแบบสี พร้อม 3D Animation, แผงแดชบอร์ดใหม่ทั้งชุด, กระจกมองหลังปรับลดแสงอัตโนมัติ, ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ Dual Zone, ช่องแอร์ด้านหน้าใหม่, คอนโซลกลางใหม่, ช่องแอร์พร้อมชุดควบคุมสำหรับผู้โดยสารด้านหลังใหม่, เบาะหนังใหม่, เบาะผู้ขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง และผู้ขับจะสะดวกด้วยปุ่ม Push Start พร้อมกุญแจอัจฉริยะ KOS


นอกจากนี้ บริเวณคอนโซลหน้ายังมีช่องจ่ายไฟกระแสตรง 12 โวลท์, พอร์ท USB ที่คอนโซลหน้า, พอร์ท USB 2 ตำแหน่งที่คอนโซลกลาง และฟังก์ชั่นการเชื่อมต่อด้วย Bluetooth แบบ A2DP


ด้านพละกำลัง Triton จะมากับเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบแถวเรียง DOHC 16 วาล์ว ความจุ 2.4 ลิตร พร้อมฟังก์ชั่น MIVEC (Mitsubishi Innovation Valve Timing Electronic Control) ควบคุมการเปิด/ปิดวาล์วไอดีแปรผัน ทำงานสอดคล้องกับความเร็วรอบของเครื่องยนต์ อัดอากาศด้วยเทอร์โบชาร์จแบบแปรผัน จ่ายเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีดอิเลคทรอนิคส์ คอมมอนเรล ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะใหม่ พร้อม Sport Mode หรือเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ กำลังสูงสุด 181 แรงม้า ที่ 3,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 43.8 กก.-ม. เริ่มที่ 2,500 รอบ/นาที


รุ่นย่อยหลักๆ จะยังคงมีให้เลือก 3 กลุ่มใหญ่เช่นเคย ประกอบด้วยรุ่นตัวถัง Double Cab, Mega Cab และ Single Cab สีภายนอกมี 5 สี ได้แก่ขาว White Daimond, เงิน Sterling Silver, เทา Graphite Gray, ดำ Jet Black Mica และสีส้ม Sunflare Orange (รุ่น Single Cab เลือกได้ 2 สีระหว่าง ขาว Solid White หรือเงิน Sterling Silver)


สำหรับใครที่รอของแต่งจากโรงงาน Triton ใหม่จะมีออปชั่นตกแต่งเพิ่มเติม อาทิ แผงอะครีลิคกันแมลงบนฝากระโปรงหน้า, คิ้วกันสาดด้านข้าง, ชุดล๊อคยางอะไหล่แบบชุบโครเมียมกันสนิม, ฝาครอบบันไดแสตนเลส, ชุดพรมยางปูพื้นแบบเรียบ, ชุดพรมยางปูพื้นแบบมีขอบ และชุดพรมปูพื้นที่ผลิตจากพรมคุณภาพพิเศษ ทำความสะอาดง่าย

หลังจากการเปิดตัวแบบโกลบอลในวันนี้ มิตซูบิชิจะเริ่มจำหน่าย Triton ใหม่ในไทยตั้งแต่วันที่ 17 พฤศจิกายน 2561 เป็นต้นไป หลังจากนั้นจึงจะเป็นคิวของตลาดโลก เริ่มที่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้, โอเชียเนีย, ตะวันออกกลาง, ยุโรป, แอฟริกา และละตินอเมริกา ซึ่งจะครอบคลุมกว่า 150 ประเทศทั่วโลก
อัพเดท : ราคาจำหน่าย

01 – 2.5 5MT Single cab 2WD GL ราคา 524,000 บาท (โฉมเดิม)
02 – 2.4 6MT Single cab 4WD GL ราคา 654,000 บาท
03 – 2.5 5MT Mega cab 2WD GL ราคา 579,000 บาท (โฉมเดิม)
04 – 2.5 5MT Mega cab 2WD GLX ราคา 621,000 บาท (โฉมเดิม)
05 – 2.5 5MT Double cab 2WD GLX ราคา 672,000 บาท (โฉมเดิม)
06 – 2.4 6MT Mega cab 2WD Plus GLX ราคา 689,000 บาท
07 – 2.4 6MT Mega cab 2WD Plus GLS ราคา 729,000 บาท
08 – 2.4 6MT Mega cab 2WD Plus GT ราคา 776,000 บาท
09 – 2.4 6AT Mega cab 2WD Plus GT ราคา 826,000 บาท
10 – 2.4 6MT Double cab 2WD Plus GLX ราคา 779,000 บาท
11 – 2.4 6MT Double cab 2WD Plus GLS ราคา 819,000 บาท
12 – 2.4 6AT Double cab 2WD Plus GLS ราคา 882,000 บาท
13 – 2.4 6MT Double cab 2WD Plus GT ราคา 873,000 บาท
14 – 2.4 6AT Double cab 2WD Plus GT ราคา 923,000 บาท
15 – 2.4 6MT Double cab 2WD Plus GT-P ราคา 930,000 บาท
16 – 2.4 6AT Double cab 2WD Plus GT-P ราคา 983,000 บาท
17 – 2.4 6MT Double cab 4WD GLS ราคา 935,000 บาท
18 – 2.4 6MT Double cab 4WD GT-P ราคา 1,041,000 บาท
19 – 2.4 6AT Double cab 4WD GT-P ราคา 1,099,000 บาท

มิตซูบิชิ ไทรทัน 2024: Mitsubishi Triton เปิดตัวรุ่นปรับโฉมใหญ่แบบเวิลด์พรีเมียร์ในไทย อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.checkraka.com/car/mitsubishi/triton/