ผู้เขียน หัวข้อ: ทำไมต้องกิน เอ็มเมดกระชายพลัส?  (อ่าน 102 ครั้ง)

siritidaphon

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 463
    • ดูรายละเอียด
ทำไมต้องกิน เอ็มเมดกระชายพลัส?
« เมื่อ: วันที่ 16 เมษายน 2024, 15:42:38 น. »
เมื่อร่างกายต้องเผชิญกับโรคระบาด โรคภัยไข้เจ็บ ปัญหาจากสถานการณ์ภัยธรรมชาติ ที่ผิดแปลกฤดู เกิดน้ำท่วมหลายพื้นที่ ฝนตกหนัก เกิดน้ำท่วมขังเป็นแหล่งสะสมเชื้อก่อโรค หรือแม้แต่มลภาวะทางอากาศจากฝุ่นมลพิษ pm 2.5 (Particulate Matters) ขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอน ส่งผลเสียโดยตรงต่อร่างกายและผิวหนัง จากการสูดหายใจเข้าใจ และจากการตกสัมผัสที่ผิวหนัง

ร่างกายได้รับความเสี่ยงต่อการเจ็บป่วย การรับประทานที่ไม่ครบตามหลักโภชนาการในแต่ละวันที่ต้องได้รับวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็น เพื่อต่อสู้กับเชื้อก่อโรคต่างๆที่เข้าสู่ร่างกาย ไม่เพียงแต่อาหารการกิน การทำงานหนักหักโหม พักผ่อนไม่เพียงพอ การดื่มน้ำน้อย และที่สำคัญคือภาวะความเครียดที่มีมากมายหลายปัจจัย ทำให้ร่างกายอ่อนแอ เสี่ยงต่อการเจ็บป่วยได้ง่ายมากยิ่งขึ้น

เอ็มเมดกระชายพลัส จึงนำผลการวิจัยจากมหาวิทยาลัยมหิดล ด้วยสารสกัดกระชายขาว สามารถยับยั้งการผลิตและการเจริญเติบโตของเชื้อไวรัสได้ และยังมีงานวิจัยอีกหลายภาคส่วนที่กล่าวถึง สารสกัดกระชาย ยังสามารถต้านเชื้อแบคทีเรียได้เช่นกัน สารสกัดกระชายขาวนั้นมีมากมายหลากหลายคุณประโยชน์ที่ต้านเชื้อก่อโรคได้ทั้งสิ้น


ทำความรู้จักเชื้อก่อโรคตัวร้าย เชื้อไวรัสและเชื้อแบคทีเรีย

เอ็มเมดกระชายพลัส

1.การติดเชื้อ ทั้งเชื้อไวรัสและเชื้อแบคทีเรีย เกิดจากเชื้อจุลินทรีย์ โดยแพร่กระจายด้วยการไอ หรือจาม การสัมผัสกับผู้ติดเชื้อ การสัมผัสสิ่งปนเปื้อนจากพื้นผิววัสดุ อาหาร น้ำ และสิ่งมีชีวิตต่างๆ เช่นแมลง สัตว์เลี้ยง


2.ผลกระทบ ทั้งเชื้อไวรัสและแบคทีเรียนั้น ก่อให้เกิดการติดเชื้ออย่างฉับพลับ และเสียชีวิตทันทีได้ หรือป่วยเรื้อรัง ส่งผลเป็นระยะเวลานานเป็นเดือน ปี หรือตลอดชีวิต ผู้ป่วยบางรายอาจจะไม่แสดงอาการของโรคจึงทำให้สะสม มีทั้งแบบเจ็บป่วยธรรมดา จนกลายเป็นเชื้อมะเร็งที่ก่อให้เกิดอันตรายรุนแรงถึงชีวิตได้


3.อาการ ที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียและไวรัสไม่ต่างกัน การมีไข้ ไอ จาม อ่อนเพลีย ท้องเสีย ผื่นคัน อาเจียน เป็นตะคริว อาการเหล่านี้ที่เกิดขึ้น ภูมิต้านทานในร่างกายกำลังจะขจัดเชื้อโรคให้ออกไป ซึ่งดูเผินๆ อาการที่แสดงเหมือนจะเหมือนกัน แต่แตกต่างกันที่โครงสร้าง และวิธีการรักษา


4.โครงสร้าง แบคทีเรียมีลักษณะเป็นแบบเซลล์เดียวและไม่ซับซ้อน มีผนังหุ้มเซลล์ที่มีความแข็งแรง เปรียบเสมือนโครงกระดูก ที่ทำหน้าที่รักษารูปร่างภายนอกของมันไว้ แบคทีเรียยังสามารถขยายพันธุ์ได้เองตามสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม ในขณะที่เชื้อไวรัสมีอนุภาคเล็กมากกว่าแบคทีเรีย ไวรัสจะอยู่ได้ต้องมีแหล่งอาศัย และไม่สามารถแพร่พันธุ์ได้เอง การติดเชื้อไวรัสทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงกับเซลล์สิ่งมีชีวิตอื่นๆ เช่นทำให้เซลล์ตาย เกิดการรวมตัวของเซลล์ หรือการรวมตัวของเซลล์เพื่อเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติ ที่ก่อให้เกิดเป็นเชื้อเซลล์มะเร็ง เป็นต้น


5.โรค โดยส่วนใหญ่ที่เกิดจากเชื้อไวรัสมักจะได้รับอันตรายกับชีวิตมากกว่าเชื้อแบคทีเรีย โดยบางเชื้อของแบคทีเรียในลำไส้ยังมีประโยชน์กับร่างกาย และเชื้อแบคทีเรียมีเพียง 1% เท่านั้นที่ทำให้เกิดอันตรายกับร่างกาย

โรคของเชื้อไวรัส                                                       โรคของเชื้อแบคทีเรีย
ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ ไข้เลือดออก                               วัณโรค ฉี่หนู ไข้รากสาดน้อย บาดทะยัก
พิษสุนัขบ้า โรคฝีดาษ โรคติดเชื้ออีโบลา                       โรคซิฟิลิส โรคคอตีบ ปอดบวม กาฬโรค
โรคหัด อีสุกอีใส งูสวัด คางทูม เริม                               โลหิตเป็นพิษ ถุงน้ำดีอักเสบ ตับอ่อนอักเสบ
โรคตับอักเสบเอบีซี โรคสมองอักเสบ โรควัวบ้า       ไทฟอยด์ ไส้ติ่งอักเสบ ไอกรน
โรคเอดส์ โรคไวรัสโคโรน่า 2019                               เชื้ออีโคไล หนองใน เยื่อหุ้มสมองอักเสบ


6.การรักษา เมื่อร่างกายมีอาการป่วยจะรู้ได้อย่างไรว่า เจ็บป่วยจากเชื้อไวรัส หรือเชื้อแบคทีเรีย ให้สังเกตุจากการวินิจฉัยของแพทย์ เมื่อได้รับเชื้อแบคทีเรียจะได้รับยาปฏิชีวนะมารับประทาน แต่หากได้รับเพียงยาแก้ไข้ หรือยาลดน้ำมูก ร่างกายได้รับเชื้อไวรัส เพราะร่างกายสามารถมีภูมิต้านทานต่อสู้กับเชื้อไวรัสได้อยู่แล้ว ในช่วงที่ไม่สบายร่างกายจะอ่อนเพลียในช่วงนี่เอง ที่ภูมิต้านทานกำลังต่อสู้เพื่อเอาชนะกับเชื้อไวรัสอยู่ พักผ่อน และดื่มน้ำให้มากๆ ยาปฏิชีวนะไม่ช่วยบรรเทาอาการ ไอ จาม เจ็บคอ น้ำมูกไหล ปวดหัว เมื่อผ่านไปสักระยะนึงภูมิต้านทานในร่างกายแข็งแกร่งขึ้นมา ไม่นานเชื้อไวรัสก็จะแพ้ไปเอง




ทำไมต้องกิน เอ็มเมดกระชายพลัส?  อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://mmed.com/products/