4 ข้อต้องรู้ก่อน รีไฟแนนซ์บ้าน 2568

[siritidaphon]

4 ข้อต้องรู้ก่อน รีไฟแนนซ์บ้าน 2568

สำหรับใครที่กำลังผ่อนบ้านอยู่ คงจะคุ้นเคยกับ การรีไฟแนนซ์บ้าน (Refinance) วิธีการที่จะช่วยแบ่งเบาภาระดอกเบี้ย รวมถึงช่วยให้เราสามารถปรับระยะเวลาผ่อนชำระได้ เช่น หากปรับลดระยะเวลาผ่อนชำระ ให้ผ่อนสั้นลง ยอดผ่อนต่อเดือนของเราอาจะเพิ่มขึ้น แต่จะทำให้เราผ่อนบ้านหมดไวขึ้น หรือหากเราปรับเพิ่ม หรือขยายระยะเวลาผ่อนชำระออกไป ก็จะทำให้ยอดผ่อนต่อเดือนลดลง ภาระค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนของเราก็จะลดลงตามไปด้วยนะคะ แล้วเราต้องรู้อะไรบ้าง ก่อนตัดสินใจ รีไฟแนนซ์บ้าน...
 

4 ข้อต้องรู้ก่อน รีไฟแนนซ์บ้าน 2568

1. การรีไฟแนนซ์บ้าน ไม่สามารถทำได้ทันที
 
โดยปกติแล้วการรีไฟแนนซ์บ้าน จะสามารถทำได้หลังจากที่ผ่อนชำระบ้านกับธนาคารเดิมไปแล้วอย่างน้อย 3 - 5 ปี ตามข้อกำหนดของแต่ละธนาคาร ซึ่งจริงๆ แล้วหากผุู้กู้ต้องการขอรีไฟแนนซ์ก่อนกำหนดก็สามารถทำได้ แต่จะมีปรับในกรณีที่ไถ่ถอนก่อนกำหนด (Prepayment Fee) 2 - 3% ของยอดหนี้คงเหลือ ดังนั้น หากต้องการรีไฟแนนซ์บ้านจริงๆ ก็ควรศึกษาข้อกำหนด และเงื่อนไขของธนาคารเดิมให้ดีก่อน ว่าจะสามารถรีไฟแนนซ์ได้เมื่อไร ต้องดำเนินการอย่างไร เพื่อจะได้วางแผนรีไฟแนนซ์บ้านให้เกิดประโยชน์สูงสุด
 

2. ประโยชน์ของการรีไฟแนนซ์บ้าน
 
การรีไฟแนนซ์บ้าน คือ การขอกู้ซื้อบ้านกับธนาคารใหม่ เพื่อนำไปเคลียร์หรือปิดหนี้บ้านที่ค้างอยู่กับธนาคารเดิมที่เราผ่อนชำระอยู่ ซึ่งประโยชน์ที่จะได้แน่ๆ จากการรีไฟแนนซ์ คือ
ดอกเบี้ยถูกลง ยอดผ่อนต่อเดือนลดลง ปรับขยายหรือลดระยะเวลาผ่อนชำระได้
สามารถขอวงเงินกู้เพิ่ม เพื่อนำเงินที่ได้ไปตกแต่ง ต่อเติมบ้าน หรือเสริมสภาพคล่องอื่น ๆ ได้


3. การรีไฟแนนซ์บ้าน มีค่าใช้จ่ายที่ต้องเตรียม
 
การรีไฟแนนซ์บ้าน มีค่าใช้จ่ายในการดำเนินการเหมือนกับการขอสินเชื่อบ้านใหม่ เช่น ค่าธรรมเนียมค่าจัดการสินเชื่อ ค่าจดจำนอง ค่าประเมินทรัพย์สิน ค่าอากรแสตมป์ ค่าประกันอัคคีภัย เป็นต้น ซึ่งก่อนรีไฟแนนซ์บ้านควรคำนวณค่าใช้จ่ายต่างๆ เหล่านี้ให้รอบคอบ ว่าคุ้มกับดอกเบี้ยที่เราจะสามารถประหยัดได้จริงๆ โดยเราสามารถประมาณการค่าใช้จ่ายต่างๆ ได้ ดังนี้
ค่าประเมินมูลค่าหลักทรัพย์ ประมาณ 3,000 บาท (อาจมี หรือไม่มี ขึ้นอยู่กับโปรโมชันของธนาคาร)
ค่าจดจำนอง 1% ของวงเงินกู้ใหม่
ค่าอากรสแตมป์ 0.05% ของวงเงินกู้ใหม่ แต่ไม่เกิน 10,000 บาท
ค่าประกันอัคคีภัย ปกติตามกฎหมายจะต้องทำทุก 1-3 ปี
ค่าเบี้ยประกันชีวิตคุ้มครองสินเชื่อ กรณีเลือกทางเลือกที่พ่วงการทำประกัน MRTA
ค่าธรรมเนียมอื่นๆ ของธนาคาร


4. การรีไฟแนนซ์บ้าน ต้องเตรียมเอกสารเหมือนการขอสินเชื่อบ้านใหม่
 
การรีไฟแนนซ์บ้าน เป็นการขอกู้สินเชื่อใหม่กับธนาคารใหม่ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีการเตรียมเอกสารสำหรับขอสินเชื่อใหม่ แบ่งเป็น 3 ส่วน ดังนี้
เอกสารส่วนบุคคล เช่น สำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน ใบเปลี่ยนชื่อสกุล
เอกสารรายได้ เช่น Statement ย้อนหลัง สลิปเงินเดือน สำเนาหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย (50 ทวิ)
เอกสารหลักประกัน เช่น สำเนาสัญญากู้ยืมกับธนาคารเดิม สำเนาหนังสือสัญญาจำนองที่ดิน ใบเสร็จเงินกู้ย้อนหลัง