ผู้เขียน หัวข้อ: ดอกบัวในโถแก้ว: การดอกไม้อบแห้งหอม ทําอย่างไร  (อ่าน 14 ครั้ง)

siritidaphon

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 754
    • ดูรายละเอียด
ดอกบัวในโถแก้ว: การดอกไม้อบแห้งหอม ทําอย่างไร
« เมื่อ: วันที่ 29 กรกฎาคม 2025, 19:05:12 น. »
ดอกบัวในโถแก้ว: การดอกไม้อบแห้งหอม ทําอย่างไร

การทำดอกไม้อบแห้งให้มีกลิ่นหอมนั้น ต้องอาศัยเทคนิคเพิ่มเติมจากการอบแห้งปกติ เพราะกลิ่นหอมตามธรรมชาติของดอกไม้มักจะจางหายไปในระหว่างกระบวนการทำให้แห้งค่ะ แต่เราสามารถเพิ่มกลิ่นหอมให้ดอกไม้แห้งได้หลายวิธี โดยเฉพาะการทำ บุหงาแห้ง (Potpourri)

วิธีทำดอกไม้อบแห้งหอม

โดยหลักการแล้ว คุณจะต้องทำดอกไม้ให้แห้งก่อน แล้วจึงค่อยเพิ่มกลิ่นหอมเข้าไปในภายหลังค่ะ


ขั้นตอนที่ 1: การทำให้ดอกไม้แห้ง (เลือกวิธีที่เหมาะกับดอกไม้)

วิธีที่แนะนำเพื่อให้ดอกไม้แห้งสวยและคงสภาพมากที่สุดคือ การใช้ทรายซิลิกา หรือ การอบแห้งด้วยลม (Air Drying) หากต้องการทำเป็นกลีบดอกไม้แห้ง

วิธีใช้ทรายซิลิกา (สำหรับดอกไม้ที่ต้องการคงรูปทรงสวยงาม):

เลือกดอกไม้: ดอกไม้ที่เหมาะกับการอบแห้งด้วยซิลิกาและยังคงมีกลิ่นหอมตามธรรมชาติได้ดีบ้าง เช่น กุหลาบ (แม้กลิ่นจะจางไปมาก), ลาเวนเดอร์, ไฮเดรนเยีย

เตรียมดอกไม้: ตัดก้านให้สั้น เด็ดใบล่างๆ ออก

อบด้วยซิลิกา: เททรายซิลิการองก้นภาชนะ วางดอกไม้ลงไป แล้วกลบด้วยทรายซิลิกาให้มิดชิด ปิดฝาสนิท ทิ้งไว้ 3-14 วัน (ขึ้นอยู่กับชนิดดอกไม้) จนดอกไม้แห้งกรอบ

นำออกและปัดทำความสะอาด: ค่อยๆ เททรายออก ปัดซิลิกาที่เหลือออกอย่างเบามือ

วิธีอบแห้งด้วยลม (Air Drying) หรือสำหรับกลีบดอกไม้:

เลือกดอกไม้: ดอกไม้ที่มีกลิ่นหอมตามธรรมชาติ เช่น กุหลาบ (เฉพาะกลีบ), ลาเวนเดอร์, มะลิ, จำปี, จำปา

เตรียมดอกไม้: หากเป็นดอกไม้ทั้งช่อ ให้รวบเป็นช่อเล็กๆ เด็ดใบล่างออก แล้วแขวนกลับหัวในที่ที่ แห้ง อากาศถ่ายเทสะดวก และไม่มีแสงแดดส่องถึงโดยตรง

สำหรับกลีบดอกไม้: หากต้องการเฉพาะกลีบ ให้นำกลีบดอกไม้มาวางบนถาดที่มีกระดาษรอง (เช่น กระดาษไข หรือกระดาษซับมัน) แล้วผึ่งในที่แห้ง อากาศถ่ายเทสะดวก พลิกกลับด้านบ้างเป็นครั้งคราว

ระยะเวลา: ประมาณ 1-4 สัปดาห์ จนดอกไม้หรือกลีบดอกแห้งสนิท


ขั้นตอนที่ 2: การเพิ่มกลิ่นหอมให้ดอกไม้แห้ง

เมื่อดอกไม้แห้งสนิทแล้ว กลิ่นหอมเดิมอาจจางหายไปเกือบหมด เราสามารถเติมกลิ่นหอมเพิ่มได้ด้วยวิธีต่อไปนี้:

ใช้หัวน้ำหอม (Fragrance Oil) หรือน้ำมันหอมระเหย (Essential Oil):

วิธีทำ:

เตรียมดอกไม้แห้งที่คุณอบไว้ (อาจใช้เฉพาะกลีบดอกไม้แห้งก็ได้)

หาภาชนะที่ปิดสนิท เช่น ถุงซิปล็อกขนาดใหญ่ หรือโหลแก้วที่มีฝาปิดแน่น

ใส่ดอกไม้แห้งลงไปในภาชนะ

หยด หัวน้ำหอม หรือ น้ำมันหอมระเหยบริสุทธิ์ ที่มีกลิ่นที่คุณชื่นชอบลงไปบนดอกไม้แห้งประมาณ 10-20 หยด (ปรับปริมาณตามความเข้มของกลิ่นที่ต้องการ)

กลิ่นที่นิยม: กุหลาบ, ลาเวนเดอร์, จัสมิน (มะลิ), ส้ม, ซีดาร์วู้ด, แซนดัลวู้ด

เขย่า/คลุกเคล้าเบาๆ: ปิดฝาหรือถุงให้สนิท แล้วเขย่าหรือคลุกเคล้าเบาๆ ให้กลิ่นกระจายไปทั่วถึงดอกไม้

อบกลิ่น: ทิ้งดอกไม้ไว้ในภาชนะที่ปิดสนิทนั้นเป็นเวลา 1-2 สัปดาห์ หรือนานกว่านั้น เพื่อให้ดอกไม้ดูดซับกลิ่นหอมได้อย่างเต็มที่

ใช้ตัวตรึงกลิ่น (Fixative) (ไม่บังคับแต่แนะนำ): เพื่อช่วยให้กลิ่นหอมติดทนนานขึ้น สามารถผสมผงรากไอริส (Orris Root Powder) หรือผงรากหญ้าแฝก (Vetiver Root Powder) ปริมาณเล็กน้อย (ประมาณ 1 ช้อนชาสำหรับดอกไม้ 1 ถ้วย) ลงไปพร้อมกับน้ำหอมก่อนปิดภาชนะ รากเหล่านี้มีคุณสมบัติในการดูดซับและค่อยๆ ปล่อยกลิ่นหอมออกมา

ข้อควรระวัง: ไม่ควรหยดน้ำมันลงบนดอกไม้โดยตรงในปริมาณมาก เพราะอาจทำให้สีดอกไม้เปลี่ยน หรือดอกไม้ดูมัน


การร่ำด้วยควันเทียนอบ (สำหรับกลิ่นไทยๆ):

เป็นวิธีโบราณที่นิยมใช้กับบุหงาแห้งและขนมไทย

วิธีทำ:

เตรียมดอกไม้แห้งและสมุนไพรแห้งอื่นๆ ที่ต้องการ (เช่น ผิวมะกรูดแห้ง, ใบเตยแห้ง) ใส่ในภาชนะที่มีฝาปิดสนิท (เช่น หม้อ หรือโถแก้ว)

จุดเทียนอบ (เทียนสำหรับร่ำ) จนไส้เทียนแดงจัด แล้วดับเปลวไฟ ให้เหลือแต่ควันหอมลอยขึ้นมา

วางเทียนอบบนตะคัน หรือถ้วยเล็กๆ ที่ทนความร้อน แล้วนำไปวางไว้ในภาชนะที่เตรียมดอกไม้แห้งไว้

ปิดฝาภาชนะให้สนิท ร่ำทิ้งไว้จนควันเทียนหมด

สามารถร่ำซ้ำได้หลายครั้งตามต้องการ เพื่อให้กลิ่นหอมติดทนนานและเข้มข้นยิ่งขึ้น

ผสมกับสมุนไพรแห้ง/เครื่องเทศที่มีกลิ่นหอมตามธรรมชาติ:

คุณสามารถเพิ่มกลิ่นหอมให้กับดอกไม้แห้งได้โดยการนำไปจัดรวมกับวัสดุธรรมชาติที่มีกลิ่นหอม เช่น:

กลีบกุหลาบแห้ง (หากต้องการกลิ่นกุหลาบ) หรือ ดอกลาเวนเดอร์แห้ง

เปลือกส้ม/มะนาวแห้ง: มีกลิ่นสดชื่น

อบเชย (Cinnamon sticks), กานพลู (Cloves), โป๊ยกั๊ก (Star Anise): ให้กลิ่นเครื่องเทศอบอุ่น

สมุนไพรแห้งอื่นๆ: เช่น โรสแมรี่, เปปเปอร์มินต์


การนำดอกไม้อบแห้งหอมไปใช้งาน

บุหงา (Potpourri): นำดอกไม้อบแห้งที่มีกลิ่นหอมแล้วไปจัดใส่ถ้วยแก้ว หรือภาชนะสวยงาม วางไว้ในห้องนั่งเล่น ห้องนอน เพื่อสร้างบรรยากาศ

ถุงหอม (Sachets): นำไปใส่ในถุงผ้าเล็กๆ แขวนในตู้เสื้อผ้า ลิ้นชัก หรือวางไว้ใต้หมอน

ของตกแต่ง: นำไปใช้ตกแต่งในโหลแก้ว โดยเมื่อกลิ่นจางลงก็สามารถหยดน้ำหอมเพิ่มได้


ข้อควรจำ:

กลิ่นหอมที่เพิ่มเข้าไปจะค่อยๆ จางลงตามกาลเวลา ดังนั้นคุณอาจต้องเติมกลิ่นหอมเพิ่มเป็นครั้งคราวเมื่อสังเกตว่ากลิ่นเริ่มอ่อนลง

หลีกเลี่ยงการวางดอกไม้อบแห้งหอมในที่ที่โดนแสงแดดโดยตรง เพราะจะทำให้สีซีดจางและกลิ่นหอมระเหยเร็วกว่าปกติ

การทำดอกไม้อบแห้งหอมเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการนำความงามและกลิ่นหอมของธรรมชาติมาไว้ในบ้านของคุณค่ะ