หมอประจำบ้าน: ผนังกั้นจมูกคด (Deviated Nasal Septum)ผนังกั้นจมูกคด (Deviated Nasal Septum) คือภาวะที่ ผนังกั้นช่องจมูก (Nasal Septum) ซึ่งเป็นกระดูกอ่อนและกระดูกที่แบ่งช่องจมูกออกเป็นสองข้าง (ซ้ายและขวา) มีลักษณะบิดเบี้ยว, โค้งงอ, หรือไม่อยู่ในแนวตรง ทำให้ช่องจมูกทั้งสองข้างมีขนาดไม่เท่ากันข้างหนึ่งแคบกว่าอีกข้างหนึ่ง หรือทั้งสองข้างอาจถูกปิดกั้นบางส่วน
สาเหตุของผนังกั้นจมูกคด
ผนังกั้นจมูกคดเป็นภาวะที่พบได้บ่อยมาก และอาจเกิดจากหลายสาเหตุ:
ตั้งแต่กำเนิด (Congenital): อาจเกิดขึ้นตั้งแต่แรกเกิด โดยเกิดจากความผิดปกติของการพัฒนาในระหว่างที่ทารกอยู่ในครรภ์
การบาดเจ็บ (Trauma): เป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุด การบาดเจ็บที่จมูกหรือใบหน้า เช่น การถูกกระแทก, อุบัติเหตุ, การเล่นกีฬา, หรือแม้กระทั่งการคลอดที่ยากลำบากในทารก ก็สามารถทำให้ผนังกั้นจมูกเคลื่อนที่หรือคดงอได้
ความผิดปกติของการเจริญเติบโต: ในช่วงวัยเด็กหรือวัยรุ่น กระดูกอ่อนและกระดูกในจมูกอาจมีการเจริญเติบโตที่ไม่สอดคล้องกัน ทำให้ผนังกั้นจมูกเกิดการคดงอขึ้นมาเองโดยไม่มีประวัติการบาดเจ็บที่ชัดเจน
อายุที่เพิ่มขึ้น: เมื่ออายุมากขึ้น โครงสร้างกระดูกอ่อนและกระดูกในจมูกอาจมีการเปลี่ยนแปลง ทำให้ผนังกั้นจมูกคดงอได้
อาการของผนังกั้นจมูกคด
ผนังกั้นจมูกคดเล็กน้อยมักไม่มีอาการ แต่ถ้าคดมากพอที่จะขัดขวางทางเดินหายใจ หรือรบกวนการทำงานของจมูก ก็อาจทำให้เกิดอาการต่างๆ ได้แก่:
หายใจลำบากทางจมูก (Nasal Obstruction):
เป็นอาการที่พบบ่อยที่สุดและสร้างความรำคาญมากที่สุด รู้สึกเหมือนหายใจไม่สะดวก หรือหายใจไม่ออกข้างใดข้างหนึ่ง หรือทั้งสองข้าง
อาการอาจแย่ลงเมื่อเป็นหวัด ภูมิแพ้ หรือเมื่ออากาศเปลี่ยนแปลง
คัดจมูกข้างเดียว (Unilateral Congestion):
อาจรู้สึกคัดจมูกข้างที่แคบกว่าอยู่ตลอดเวลา หรือรู้สึกว่าคัดจมูกสลับข้างกัน
เลือดกำเดาไหลบ่อย (Frequent Nosebleeds):
ผนังกั้นจมูกที่คดอาจทำให้เยื่อบุจมูกแห้งและระคายเคืองได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะบริเวณที่โค้งงอ ทำให้เส้นเลือดฝอยแตกง่ายและเลือดกำเดาไหล
ปวดหน้าผากหรือปวดศีรษะ:
บางครั้งการคดงอของผนังกั้นจมูกอาจไปกดทับเยื่อบุจมูก ทำให้เกิดอาการปวดบริเวณหน้าผาก หรือปวดศีรษะได้
กรนและภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Snoring and Sleep Apnea):
การอุดกั้นทางเดินหายใจจากผนังกั้นจมูกคดอาจทำให้หายใจลำบากขณะนอนหลับ ซึ่งนำไปสู่การกรนที่รุนแรงขึ้น หรือภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Obstructive Sleep Apnea)
ไซนัสอักเสบเรื้อรัง (Chronic Sinusitis):
ผนังกั้นจมูกที่คดอาจขัดขวางการระบายของโพรงไซนัส ทำให้มีการสะสมของน้ำมูกและเกิดการติดเชื้อไซนัสอักเสบซ้ำๆ หรือเรื้อรังได้
เจ็บคอหรือปากแห้ง:
เนื่องจากการหายใจทางจมูกไม่สะดวก ผู้ป่วยมักจะหายใจทางปากแทน ทำให้คอแห้งหรือเจ็บคอ โดยเฉพาะตอนตื่นนอน
การวินิจฉัย
แพทย์จะวินิจฉัยโดยการ:
ซักประวัติและอาการ: สอบถามอาการและประวัติการบาดเจ็บ
ตรวจโพรงจมูก: ใช้ไฟฉายหรือเครื่องมือส่องจมูก (Nasal Speculum) ตรวจดูภายในโพรงจมูกเพื่อประเมินลักษณะการคดของผนังกั้นจมูก
ส่องกล้องตรวจโพรงจมูก (Nasal Endoscopy): ใช้กล้องขนาดเล็กสอดเข้าไปในจมูกเพื่อดูรายละเอียดของผนังกั้นจมูกและโครงสร้างภายในทั้งหมด
เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT Scan): ในบางกรณี อาจจำเป็นต้องทำ CT Scan เพื่อดูโครงสร้างกระดูกและโพรงไซนัสที่ซับซ้อน
การรักษา
การรักษาผนังกั้นจมูกคดขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการและความรำคาญที่เกิดขึ้น:
การรักษาแบบประคับประคอง (Conservative Treatment):
สำหรับอาการไม่รุนแรง แพทย์อาจแนะนำการใช้ยาพ่นจมูกลดอาการคัดจมูก (Nasal Decongestant Sprays) หรือยาสเตียรอยด์พ่นจมูกเพื่อลดการอักเสบและบวมของเยื่อบุจมูก เพื่อช่วยให้หายใจได้สะดวกขึ้น
การล้างจมูกด้วยน้ำเกลือ ก็ช่วยลดอาการคัดจมูกและทำความสะอาดโพรงจมูกได้
การผ่าตัด (Surgery):
หากอาการรุนแรงและส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตอย่างมาก การผ่าตัดเป็นทางเลือกหลักในการแก้ไข
การผ่าตัดตกแต่งผนังกั้นจมูก (Septoplasty): เป็นการผ่าตัดที่มุ่งเน้นไปที่การจัดแนวกระดูกอ่อนและกระดูกที่คดงอให้กลับมาตรงที่สุด โดยไม่ได้เปลี่ยนแปลงรูปร่างภายนอกของจมูก
การผ่าตัดแก้ไขรูปจมูก (Rhinoplasty): ในบางกรณี หากผนังกั้นจมูกคดร่วมกับมีปัญหาด้านความสวยงามของจมูก อาจพิจารณาการผ่าตัดที่รวมการแก้ไขผนังกั้นจมูกกับการปรับแต่งรูปจมูกภายนอก (Septorhinoplasty)
ข้อควรทราบ: การผ่าตัดจะทำโดยศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านหู คอ จมูก (ENT Specialist) โดยทั่วไปมักทำผ่านทางรูจมูก ไม่ต้องมีแผลภายนอก และใช้เวลาพักฟื้นไม่นานนัก
หากคุณมีอาการหายใจลำบากทางจมูกเรื้อรัง หรือสงสัยว่าตนเองมีภาวะผนังกั้นจมูกคด ควรรีบปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับการวินิจฉัยที่ถูกต้องและวางแผนการรักษาที่เหมาะสมครับ